ประวัติหลวงพ่อหีต วัดเผียน
ประวัติพ่อท่านหีต ปภังกโร วัดเผียน หรือ หลวงพ่อหีต ผู้เลิศด้วยบารมีญาณแห่งขุนเขาแดง วัตถุมงคลพระเครื่องของท่านกำลังเป็นที่นิยมอย่างสูงในขณะนี้
บารมีญาณของ “พ่อท่านหีต” นับได้ว่าเป็นผู้ล่วงรู้ “กาลเวลาอนาคต” อีกท่านหนึ่งใน “ภาคใต้” เพราะ“พระอธิการหีต ปภงฺกโร”เคยชี้แนะ “ผู้ทุกข์ยาก” ที่ดั้นด้นไปขอเลขแห่งความร่ำรวยว่า “ให้ไปเอาเลขจากเถ้าแก่หว่าซานแห่งทุ่งสง ตามนั้นแหละจะถูกต้อง” ปรากฏว่าเลขงวดนั้นออกตามคำประกา ศิตของ “พ่อท่านหีต” ทุกประการรวยกันทั้งผู้ให้และผู้ขอตาม ๆ กันทั้งที่เกิดมา “เถ้าแก่หว่าซาน” ก็ไม่เคยรู้จัก “พ่อท่านหีต” มาก่อนเลยโดยเรื่องนี้มีเรื่องเล่ากันว่า “ชาวบ้านตำบลสามร้อยกล้า” ไปนิมนต์พ่อท่านไปงานทำบุญบ้านแต่พ่อท่านไม่นิยม “นั่งรถ” รถทุกชนิดจึงบอกให้กลับไปก่อนแล้วท่านจะตามไปเอง ชาวบ้านตำบลสามร้อยกล้าจึงกลับไปพอถึงบ้านที่มีงานกลับเห็น “พ่อท่านหีต” นั่งอยู่ในพิธีแล้วเป็นที่อัศจรรย์ยิ่ง ทั้งนี้ก็เพราะท่านย่นหนทางได้ทุกกาลเวลานั่นเองและ “นายสว่าง รัตนมณี” ก็เป็นอีกผู้หนึ่งที่เห็น ปาฏิหาริย์ของ “หลวงพ่อหีต” ด้วยสายตาตัวเองที่สามารถเดิน “บนผิวน้ำข้ามลำธาร” ในป่าซึ่งเชี่ยวกรากและสามารถย่นย่อตัวท่านเอง “สรงน้ำในกา” ขนาดเล็กได้อย่างเหลือเชื่อยิ่ง “เหนือลิขิต?? ประกาศิตฟ้าดิน??” ฉบับนี้จึงขอนำท่านผู้อ่านไปพบเรื่องราวที่ “เหลือเชื่อ” ดังได้กล่าวว่าเป็น “เรื่องจริง” ที่เกิดขึ้นที่ จังหวัดนครศรีธรรมราช ดังนี้
เหรียญพ่อท่านหีต วัดเผียน รุ่น1 หรือ เหรียญหลวงพ่อหีต รุ่นแรก เนื้อทองแดง
พ่อท่านหีต พระเถระอาจารย์ผู้ทรงกิตติคุณลือชารูปนี้มีรูปร่าง “ผอมสูง” ผิวดำแดงกร้านแกร่งแฝงไว้ด้วยความทรหดอดทน มือเท้าใหญ่โตที่แสดงถึงการออกธุดงค์รอนแรมตามป่าเขาลำเนาไพรมาหนักโดย สังเกตได้ที่ “ตาตุ่ม” ข้อเท้าทั้งสองของท่านด้านหนาอันเป็นสิ่งที่บ่งบอกให้ทราบว่าท่าน “นั่งสมาธิ” มานานมากแล้วสายตาของท่านแข็งกล้ามีขอบสีฟ้ารอบตาดำเป็นประกายแวววาว ตบะเดชะเข้มข้นใครสบตากับท่านเมื่อคราวออกจากญาณสมาบัติเป็นต้องผงะซึ่งแสดง ถึง “ภาวนาสมาธิ” จากอำนาจบารมีญาณของท่านสูงส่งมีอำนาจในตัวเอง การเจรจาแฝงไว้ด้วยเมตตาเป็นที่ตั้ง ศีลาจารวัตรสังเกตดูบริสุทธิ์ผุดผ่อง เพราะไม่มีสมบัติมากมายมีเพียง “เสื่อเก่า ๆ และหมอนไม้แข็ง” เป็นที่พำนักหลับนอนเท่านั้นซึ่งท่านบอกว่า “ความสบายกายทำให้เกิดทุกข์ เกิดกิเลส เกิดตัณหา มีอุปาทาน ไม่สามารถหลุดพ้นจากสภาวจิต เข้าสู่สภาวธรรมได้”
ประวัติ พ่อท่านหีต ปภังกโร วัดเผียน
“พ่อท่านหีต” พระอธิการหีต ปภงฺกโร ท่านนั้นเกิดในตระกูลชาวนาที่ ต.ถ้ำทอง อ.ทับปุด จ.พังงา ในตระกูลสกุล “บุญมา” เกิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2459 บิดาชื่อ “นายนอง” มารดาชื่อ “นางเหลื่อม” ท่านเป็นบุตรชายคนเดียว จึงเป็นกำลังหลักของตระกูลชาวนาที่ต้องช่วยพ่อ-แม่ทำนาจนอายุได้ ๑๙ ปี จึงไปอยู่ที่ “วัดโคกลอย” โดยบิดาพาไปฝากเป็นศิษย์ของ “พ่อท่านรักษ์ วัดโคกลอย” แล้วให้บวชเป็นสามเณรโดย “พระครูภาณีศรีระวัฒน์” แล้วจำพรรษาศึกษาธรรมและอักขระเลขยันต์ทางไสยศาสตร์ ตลอดจนวิปัสสนาธุระกับ “พ่อท่านรักษ์” ได้ 2 พรรษา จึงมีอายุ 21 ครบอุปสมบทตามประเพณี
จึงทำการอุปสมบทเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2479 ณ อุโบสถวัดชนาธิการาม (สำนักปรุ) ต.นพปริง อ.เมือง จ.พังงา โดยมี “พระปฏิภาณพังงารัฏธ์” เจ้าคณะจังหวัดพังงา “วัดประภาสประจิมเขต” เป็นพระอุปัชฌาย์ “พระวินัยธรรักษ์” (รักษ์ สิริวัฒโน) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ได้ฉายาว่า “ปภังกโร” หลังจากอุปสมบทแล้วได้กลับไปจำพรรษาที่วัดโคกลอยอีก 1 พรรษา จึงออกธุดงค์ไปจนถึงภูเก็ต ในปี พ.ศ. 2480 และเข้าจำพรรษาที่ “วัดโฆษิตวิหาร” เพื่อศึกษาธรรมะกับ “พระครูสีขะรัตนสมณคุณ วัดมงคลนิมิตร” ครั้นถึงปี พ.ศ. 2483 จึงย้ายไปจำพรรษาที่ “วัดพิชิตสังฆาราม” ต.สินไนย อ.เมือง จ.ภูเก็ต จนสามารถสอบนักธรรมเอกได้ในปี พ.ศ. 2486 เมื่อศึกษาธรรมะจนมีความรู้แจ้งแตกฉานดีแล้ว จึงออกธุดงค์เรื่อยไปเพื่อฝึกฝนการปฏิบัติตามขุนเขาลำเนาไพรระหว่างทางพบ “ถ้ำเขาแดง” สงบวังเวงเหมาะแก่การปฏิบัติธรรมจึงเข้าพักปฏิบัติภาวนาอยู่นาน 12 ปี กระทั่งถึงปี พ.ศ. 2500 ชาวบ้านมาพบท่านเข้าเห็นมีศีลาจารวัตรน่าศรัทธาเลื่อมใส ปฏิบัติธรรมอยู่ในถ้ำอย่างวิเวก จึงร่วมกันนิมนต์ให้ท่านลงจากถ้ำมาอยู่ วัดเผียน ตรงบริเวณเชิงเขาแห่งนั้นแล้วช่วยกันจัดแจงปรับปรุง “วัดร้าง” ให้มีสภาพคืนมาสู่วัดไม่ร้างอีกครั้งตั้งแต่ พ.ศ. 2500 เป็นต้นมา
หลังจาก “พ่อท่านหีต” ปักหลักตามคำนิมนต์ของชาวบ้านอยู่ที่ “วัดเผียน” ได้ไม่นานก็เป็นที่เคารพนับถือของชาวบ้านทั่วไปกระทั่งวันหนึ่งมีผู้เดือด ร้อนเรื่อง “เงินทอง” ไม่มีทางแก้ไขจึงไปหาท่านเพื่อขอให้ท่านช่วยซึ่งพอท่านทราบ ก็ทำการพิจารณาเห็นว่าไม่มีทางอื่นใดจะช่วยได้เพราะโดยปกติแล้วมีผู้ไปขอ “เลขหวย” อยู่เสมอแต่ท่าน “ไม่เคยให้ใคร” กลับสอนว่าให้ขยันทำมาหากินก็จะเจริญรุ่งเรืองอย่าไปหวัง กับการเล่นการพนัน แต่วันนั้นท่านพิจารณาเห็นความจำเป็นหรือล่วงรู้กาลชะตาโชคของชายผู้นั้นก็ ไม่อาจทราบได้ จึงแนะให้ชายผู้นั้นไปแทงเลขตาม “เถ้าแก่หว่าซาน” (คุณวรศักดิ์ อดิเทพวรพันธ์) อ.ทุ่งสง แล้วจะได้เงินมาแก้ปัญหาซึ่งชายผู้นั้นก็ไม่เคยรู้จักกับเถ้าแก่หว่าซานมา ก่อนหรือแม้กระทั่ง “พ่อท่านหีต” เองก็ไม่รู้จักเถ้าแก่หว่าซานเช่นกันแต่ด้วยปัญหาการเงินที่เดือดร้อน จึงทำให้ชายผู้นั้นไปสืบเสาะหาจนพบแล้วตัดสินใจถาม “งวดนี้แทงเลขอะไร” เถ้าแก่หว่าซานไม่ทันตั้งตัวเพราะจู่ ๆ ก็มีคนไม่รู้จักมาถามจึงบอกเลขไปแบบไม่รู้ตัว ชายผู้นั้นจึงนำเลขนั้นไปซื้อตามที่ได้มาปรากฏว่า งวดนั้นเลขออกมาตรงพอดีจึงรวยกันไปทั้งผู้บอกและผู้ถาม
พระเครื่องพ่อท่านหีต ปภังกโร วัดเผียน
จึงนับว่าเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์อย่างยิ่งที่ หลวงพ่อท่านหีต ล่วงรู้กาลอนาคตได้อย่างแม่นยำเหมือนตาเห็น และรู้แม้กระทั่งชื่อของผู้ที่จะซื้อเลขถูก เพียงแต่พ่อท่านไม่บอกโดยตรงกับชายผู้นั้น ท่านคงเลี่ยงที่จะบอกเลขบอกหวยตามคติของท่านก็เป็นได้ จึงได้บอกอ้อม ๆ ให้ชายผู้นั้นใช้ความเพียรพยายาม อย่างน้อยก็ได้ทำงานเสียบ้างเพื่อจะได้เงินไปแก้ไขปัญหา เพราะเรื่องการเงินท่านก็ไม่มีทางอื่นจะช่วยเหลือได้ ส่วนปาฏิหาริย์อีกเรื่องที่มีคนเห็นจำนวนมากเกิดขึ้นในงาน “สร้างถนน” ของชาวบ้าน ที่ “คุณกริช ตัญบุญยกิจ” ซึ่งเป็นพ่อค้าในตลาด “อำเภอร่อนพิบูลย์” เล่าว่าวันนั้นคุณกริชและพี่ชายได้ติดต่อซื้อหินมาถมถนนจาก “สามแยกห้วยไม้แก่น” เข้า “วัดเผียน” ระยะทางประมาณหนึ่งกิโลเมตร “พ่อท่านหีต” จึงขอแรงชาวบ้านละแวกนั้นช่วยกันเกลี่ยหิน “คุณกริช” และพี่ชายก็ยืนดูด้วยและหลังจากถมได้ประมาณ “ครึ่งกิโลเมตร”
พระอธิการหีตก็บอกว่าเดี๋ยวฝนตกจึงชวนคุณกริชและพี่ชายกลับเข้าวัดก่อน แต่พี่ชายคุณกริชบอกว่าเอารถมาจึงให้พ่อท่านกลับก่อน แต่ความจริงแล้วคุณกริชและพี่ชายต้องการ “ทดสอบพ่อท่านหีต” ว่าจะเป็นตามที่เขาเล่าลือกันว่า “พ่อท่านย่นหนทางได้” จริงแค่ไหนดังนั้นหลังจากพ่อท่านหีตเดินลับทางโค้งไปแล้ว ก็ขึ้นรถสตาร์ตเครื่องแล้วขับตามทันที กระทั่งขับรถไปถึงทางโค้งที่เห็นหลังพ่อท่านไว ๆ ตอนขึ้นรถกลับไม่เห็นท่านแล้ว จึงขับรถตามไปยังกุฏิก็เห็นพ่อท่านนั่งอยู่แล้วพี่ชายคุณกริชรีบทักพ่อท่าน ว่า “พ่อท่านเดินเร็วจังเลย” พ่อท่านตอบว่า “ต้องเดินเร็ว ๆ เพราะเดี๋ยวฝนจะตกแล้ว” พี่ชายคุณกริชจึงทักท้วงขึ้นว่า “ฝนจะตกได้ยังไงเพราะแดดก็จ้าฟ้าก็สว่าง” พ่อท่านจึงตอบว่า “ฝนตกแล้ว” พอคุณกริชและพี่ชายหันไปดูอีกทีปรากฏว่า “ฝนตกจริง ๆ” จึงนับได้ว่า “พ่อท่านหีต” มีปาฏิหาริย์โดยแท้จริงหากท่านผู้อ่านต้องการรู้เห็นด้วยตัวเองแล้ว เดินทางไปสอบถามชาวบ้าน “อำเภอร่อนพิบูลย์” ได้ทุกเวลา
พ่อท่านมีชีวิตถึงปี พ.ศ. 2533 ก็ละสังขารจากไปด้วยวัย 74 ปี ทิ้งร่างเอาไว้ให้ลูกหลานและศิษย์ได้กราบไหว้บูชาสืบมาจนทุกวันนี้.