ประวัติ หลวงปู่บุญมา โชติธัมโม วัดเขาแก้วทอง
สมัยก่อนพระเกจิอาจารย์เรืองวิทยาคม มีอยู่ทั่วทุกภาคของประเทศ แต่ละรูปล้วนมีชื่อเสียง สาธุชนคนใจบุญรู้จักกันถ้วนทั่ว และพระเกจิอาจารย์เหล่านั้น ล้วนแต่เป็นพระอริยสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบทั้งสิ้น
“พระครูสุนทรโชติธรรม” หรือ “หลวงปู่บุญมา โชติธัมโม” เจ้าอาวาสวัดบ้านแก่ง ต.วังตะเคียน อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี พระเกจิชื่อดัง เป็นหนึ่ง ในนั้น
วัตถุมงคลที่ท่านสร้างล้วนทรงพุทธาคมเป็นที่ประจักษ์
มีนามเดิม บุญมา จิตศรี เกิดเมื่อวันอังคารที่ 7 พ.ย.2473 ตรงกับปีเถาะ บิดา-มารดาชื่อ นายพ่วง และนางทองคำ จิตศรี ครอบครัวประกอบอาชีพทำนา
ด้วยฐานะทางบ้านพอมีพอกิน แต่หลังจากมีบุตรจำนวน 4 คน ทำให้อาหารการกินฝืดเคือง ขณะที่ลูกเจริญเติบโตตามวัย
จนกระทั่งถึงวัยที่จะต้องได้รับการศึกษาเล่าเรียน จึงส่งไปอยู่กับหลวงพ่อเขียน หรือพระครูประสารวุฒิคุณ เจ้าอาวาสวัดบ้านกุง เพื่อศึกษาเล่าเรียน ที่โรงเรียนวัดบ้านกุง และปรนนิบัติรับใช้ สมัยนั้นหลวงพ่อเขียนเป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังด้านอยู่ยงคงกระพัน
กระทั่งจบการศึกษาประชาบาลชั้นประถมปีที่ 3 บิดาได้ไปรับมาอยู่กับ หลวงปู่เอี่ยม หรือหลวงพ่อใหญ่ พระเกจิผู้เก่งกล้าด้านวิปัสสนากัมมัฏฐาน เพื่อศึกษาต่อในระดับประถมปีที่ 4 รวมถึงเรียนวิทยาคม อักขรสมัยต่างๆ และฝึก ทำสมาธินั่งวิปัสสนากัมมัฏฐานขั้นต้น
ใช้ชีวิตทางโลก จนอายุ 25 ปี จึงหันหน้าเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ เข้าพิธีอุปสมบทที่พัทธสีมาวัดทุ่งแฝก หมู่ 2 ต.กบินทร์บุรี อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี โดยมีพระครูศรีวิเลิศ เป็นพระอุปัช ฌาย์, พระอาจารย์สวัสดิ์ เป็นพระ กรรมวาจาจารย์ และพระอธิการกรอง เป็นพระอนุสาวนาจารย์
ได้รับฉายาว่า “โชติธัมโม”
ศึกษาพระปริยัติธรรมจนสอบนักธรรมเอกได้ในเวลาต่อมา จังหวะนั้นเองทางวัดบ้านแก่งว่างสมภารลง หลวงพ่อใหญ่ก็ได้สั่งให้มาเป็นสมภารสืบแทน
สมัยนั้นวัดบ้านแก่งและหมู่บ้านค่อนข้างทุรกันดาร ความเจริญยังเข้าไปไม่ถึง ความเป็นอยู่ของชาวบ้านไม่ค่อยดี วัดก็เลยไม่รุ่งเรืองตามสภาพ ขณะอยู่วัดหลวงปู่บุญมาก็ฝึกวิปัสสนากัมมัฏฐาน โดยเฉพาะพระกัมมัฏฐานนั้นท่านให้ความสนใจเป็นพิเศษ ได้รับถ่ายทอดวิชาจากหลวงปู่เอี่ยมนำมาปฏิบัติด้วยตนเองอย่างเคร่งครัด
ปฏิบัติกัมมัฏฐานโดยกำหนดเอาแสงสว่างจากเปลวเทียนเป็นหลัก เพ่งกสิณจากเปลวแสงเทียนที่เรียกกันว่า “เตโชกสิณ” คือ การทำสมาธิจิตเพ่งแสงสว่างแห่งเปลวไฟ กำหนดเอาธาตุทั้ง 4 อย่างใดอย่างหนึ่งเป็นมั่นคง แล้ว พุ่งกระแสจิตสู่สิ่งที่กำหนดนั้น จนดวงจิตสงบนิ่งบังเกิดความสว่างขึ้นกลางมโนจิต นั่นคือการสามารถกำหนดจิตให้เป็นสมาธิอันแน่วนิ่งและมั่นคงได้ จึงจะถือว่าผ่านการทดสอบการบำเพ็ญพระกัมมัฏฐานและการทำกสิณ
พัฒนาวัดบ้านแก่งมาตลอดจนสามารถสร้างกุฏิ สร้างศาลาการเปรียญ และสร้างโบสถ์ใหม่ได้สำเร็จ ยกช่อฟ้าอุโบสถและผูกพัทธสีมา ปิดทองฝังลูกนิมิตในปี 2538
ชื่อเสียงเริ่มขจรไกล แม้แต่ “เจ้าแหลม” ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น อดีตแชมป์โลกรุ่นซูเปอร์ฟลายเวต นักชกขวัญใจชาวไทย ยังให้ความเคารพศรัทธาอย่างสูง เมื่อก่อนตอนจะเดินทางเพื่อไปชกที่ใด จะต้องมากราบนมัสการขอพรทุกครั้งไป
ปัจจุบันย้ายไปพัฒนาสำนักสงฆ์เขาแก้วทอง อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี โดยได้สร้างกุฏิ และกำลังดำเนินการสร้างศาลาการเปรียญ
ดังนั้น ท่านจึงได้จัดสร้างวัตถุมงคล “รุ่นบรมครูบุญมาแสนล้าน” เพื่อหาปัจจัยมาสมทบทุนสร้างศาลาการเปรียญ โดยมี “พระครูวศินปริยัตยากร” (สมภูมิ สมจิตโต) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพิชยญาติการามวรวิหาร เขตคลองสาน กรุงเทพฯ หรือ “พระอาจารย์โชคดี” พระเกจิอาจารย์ชื่อดัง เมตตาปั๊มนำฤกษ์วัตถุมงคล เมื่อวันที่ 28 ม.ค.2564 ที่ผ่านมา