ประวัติหลวงพ่อแจ่ม วัดวังแดงเหนือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา (พระครูประภาสธรรมคุณ)
ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ปรากฏชื่อเสียงของพระเกจิอาจารย์เรืองวิทยาคุณหลายต่อหลายองค์ ซึ่งแต่ละองค์เชื่อได้ในความแก่กล้าทางวิชาอาคม มีเรื่องราวเล่าขานสืบมาจนทุกวันนี้
เฉพาะในจ.พระนครศรีอยุธยา นับว่ามีเกจิอาจารย์ดังแจ้งเกิดขึ้นจำนวนมาก โดยมีบทบาทในการสร้างขวัญและกำลังใจให้ชาวบ้านได้อย่างดีเยี่ยม ดั่งเช่น “หลวงพ่อแจ่ม วัดวังแดงเหนือ” เกียรติคุณของท่านยังเป็นที่สรรเสริญกล่าวขานกันอยู่มิรู้ลืม โดยเฉพาะความเข้มขลังทางพุทธาคมและวัตถุมงคลที่ท่านสร้างปลุกเสก มีผู้ประจักษ์ความศักดิ์สิทธิ์มากราย ปัจจุบัน”พระขุนแผนเนื้อดินผสมว่าน 108 ชนิด, พระขรรค์, มีดหมอและเหรียญรุ่น 1” มีค่านิยมค่อนข้างสูง และเป็นที่เสาะหาของคนในละแวกใกล้เคียงโดยทั่วไป
หลวงพ่อแจ่มมีนามสมณศักดิ์ที่ “พระครูประภาสธรรมคุณ”เกิดในสกุล “เพ็ชรัก” เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ.2446 ตรงกับวันพฤหัสบดี ขึ้น 3 ค่ำ เดือน 5 ปีเถาะ ณ บ้านวังแดง หมู่ที่ 4 ต.วังแดง อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา โยมบิดาชื่อ นายบาง โยมมารดาชื่อ นางสุ่ม
เมื่ออายุย่างเข้าปฐมวัย บิดาได้นำไปฝากเรียนอักษรสมัย หนังสือไทยและหนังสือขอม ที่วัดวังแดงเหนือ อยู่ในความปกครองของหลวงพ่อสา เจ้าอาวาสในสมัยนั้น ได้ร่ำเรียนเขียนอ่านจนจบหลักสูตรและสามารถเขียนหนังสือขอมได้สวยเหมือนตัวพิมพ์ ในระหว่างที่อยู่วัดวังแดงเหนือนั้น ท่านได้เรียนสมถกรรมฐานควบคู่กันไปด้วย โดยกล่าวว่า เป็นการฝึกจิตให้เป็นสมาธิ เมื่อจิตเป็นสมาธิแล้วทำให้เกิดปัญญา สามารถศึกษาวิชาการต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว
ในทางเวทมนต์คาถา ได้รับการสั่งสอนเป็นกรณีพิเศษจากหลวงพ่อสา ทำให้รอบรู้วิชาไสยเวทย์ตั้งแต่ก่อนอุปสมบท
เมื่ออายุ 20 ปีได้เข้าอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดวังแดงใต้ เมื่อวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ.2466 โดยมีพระอธิการสา เจ้าอาวาสวัดวังแดงเหนือ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการโป๋ รองเจ้าอาวาสวัดวังแดงเหนือ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ พระสมุห์โชติ วัดศาลาลอย เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับนามฉายาว่า “ธมฺมปาโล”
ท่านได้อยู่จำพรรษาและศึกษาพระธรรมวินัยที่วัดวังแดงเหนือ ประพฤติปฏิบัติตนอยู่ในกรอบของเขตพระวินัยอย่างเคร่งครัด เป็นผู้สำรวมอินทรีย์ทุกอิริยาบถและงดงามไปด้วยอาจาระ ให้การเคารพอย่างสูงต่อพระผู้ทรงคุณวุฒิ คอยรับใช้ใกล้ชิดพระอุปัชฌาย์ อีกทั้งการในพระศาสนาต่าง ๆ ที่เห็นว่าพอจะทำได้ ท่านจึงเป็นที่โปรดปรานของพระอุปัชฌาย์อย่างยิ่ง
ล่วงเข้าพรรษาที่ 4 ท่านหันมาศึกษาทางพุทธาคมคาถา โดยมีพระอาจารย์สา และพระอธิการโป๋ เป็นผู้ประสิทธิวิทยาคุณต่าง ๆ ยิ่งกว่านั้น ยังได้ไปขอฝากตัวเป็นศิษย์เรียนไสยเวทกับอาจารย์เพิ่ม ซึ่งเป็นฆราวาสอยู่ในละแวกนั้นอีกด้วย
อาจารย์เพิ่มสอนวิชาสร้างมีดปากกา (พระขรรค์) อันทรงฤทธิ์ให้ ซึ่งวิชานี้พิธีการสร้างมีความยุ่งยากมาก แม้แต่หลวงพ่อนอ แห่งสำนักวัดกลาง ยังหาได้เรียนสำเร็จไม่ จนต้องหันไปเรียนวิทยาคมบทอื่น และการที่หลวงพ่อแจ่ม ได้ร่ำเรียนมาจนสำเร็จนั้น ก็นับว่าท่านมีวิริยะ อุตสาหะ อย่างมากเลยทีเดียว
ท่านได้คร่ำเคร่งอยู่กับวิชาอาคมนานหลายพรรษา แต่ไม่ได้แสดงความเข้มขลังให้เป็นที่ปรากฏแต่อย่างใด ต่อเมื่อครูอาจารย์ของท่านมรณภาพลงหมดแล้ว ท่านจึงนำวิชาการด้านนี้มาใช้ให้เกิดประโยชน์ในงานพระพุทธศาสนาและสังคมทางโลก กระทั่งเกียรติคุณทางเวทมนต์คาถาของท่าน ได้เป็นที่โจษจันกล่าวขาน
ประชาชนที่มีทุกข์ทางใจทั้งบ้านใกล้เรือนเคียง เมื่อได้ทราบกิตติศัพท์ของหลวงพ่อแจ่ม ก็เดินทางมาที่วัดวังแดงเหนือ เพื่อให้ท่านช่วยขจัดปัดเป่าความทุกข์ยากต่าง ๆ ไม่เว้นแต่ละวัน จนท่านแทบไม่มีเวลาพักผ่อนเลย และไม่เคยออกปากบ่นว่าเหนื่อย คงยิ้มแย้มแจ่มใสมุ่งมั่นในการสงเคราะห์ผู้คนที่มีทุกทางใจให้สำเร็จประโยชน์ทุกรายไป
มีผู้ใกล้ชิดได้เล่าว่า ใครก็ตามที่มาหาท่านครั้งแรกแล้ว จะต้องเดินทางมากราบท่านอีกหลายครั้ง เพราะการต้อนรับขับสู้ของหลวงพ่อแจ่ม เปี่ยมล้นไปด้วยไมตรีจิต การสนทนาปราศรัยก็แฝงด้วยความปรานี ซึ่งทำให้ผู้ที่ได้ยินมิอาจลืมเลือนในเมตตาธรรมของท่านได้
คุณวิเศษอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้ผู้มีทุกข์ทางใจกลับมากราบท่านหลายๆ ครั้งคือ วิชาโหราศาสตร์ และน้ำพระพุทธมนต์ซึ่งมีความศักดิ์สิทธิ์มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วิชาโหราศาสตร์ ท่านทายได้แม่นเหมือนตาเห็น เป็นที่ยอมรับนับถือกันมากในสมัยนั้น แม้แต่ผู้มียศถาบรรดาศักดิ์ ก็เคยประจักษ์ในความศักดิ์สิทธิ์มาแล้วหลายท่าน อาทิ นายอภัย จันทวิมล อดีตรมว.ศึกษาธิการ ,นายคุ้ม แสงศิลป อดีตปลัดจังหวัดพังงา,พ.อ.ประวาฬประดิษฐานนท์,พ.ท.ธีระ พุทธิรานนท์ ฯลฯ
หลวงพ่อแจ่มถึงกาลมรณภาพเมื่อวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2515 ทุกวันนี้ชื่อเสียงของท่านยังคงความเป็นอมตะสืบมา ในฐานะ “พระคณาจารย์แห่งลุ่มน้ำป่าสักตอนใต้” ผู้ยิ่งในบุญญาบารมี